1605088016325

หลังจาก แฮร์รี เคน กลายเป็นคนที่ 10 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ยิงได้ถึง 150 ลูก ก็มีโอกาสที่สถิติ 260 ประตูของ อลัน เชียเรอร์ อาจถูกทำลาย แต่ดาวยิงสเปอร์สจะข้ามกำแพงนี้ได้หรือไม่ ไปติดตามกัน

  • กำแพงชั้นที่ 1 - อัตราการถล่มประตูต่อ 1 ฤดูกาล

  • กำแพงชั้นที่ 2 - อาการเจ็บ-ป่วย

  • กำแพงชั้นที่ 3 - ความท้าทายกับโอกาสประสบความสำเร็จ

ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรกให้กับโปรแกรมของทีมชาติตามปฏิทินฟีฟ่า เดือนพฤศจิกายน "แฮร์รี เคน" ก็จารึกชื่อตัวเองในทำเนียบจอมล่าตาข่ายคนที่ 10 ที่ยิงได้ย่างน้อย 150 ประตูในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากโหม่งนำชัยให้ สเปอร์ส บุกไปชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-0 พร้อมกับขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงเหนือ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า ด้วยการมี 17 แต้มเท่ากัน แต่ผลต่างประตูได้-เสีย "ไก่เดือยทอง" ดีกว่า 8 ลูก ตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมนำของตารางเพียงแต้มเดียว

แฮร์รี เคน ทำประตูที่ 150 ในพรีเมียร์ลีก ในเกมล่าสุดที่ สเปอร์ส ชนะ เวสต์บรอมวิช 1-0

ในส่วนของสโมสรที่กำลังทำผลงานดีวันดีคืนก็เริ่มมีเสียงสนับสนุนให้ สเปอร์ส เป็น 1 ในทีมลุ้นแชมป์ของฤดูกาล 2020/21 แบบเต็มตัวร่วมกับขาประจำในช่วงหลังอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ในส่วนของ แฮร์รี เคน ก็เริ่มมีเสียงเชียร์ให้ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่ "อลัน เชียเรอร์" เคยทำไว้ถึง 260 ประตูในระหว่างปี 1992-2006

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำกล่าวที่ว่า "สถิติมีไว้เพื่อทำลาย" แต่ก็ใช่ว่ายอดศูนย์หน้าจากคลับไก่จะทำสำเร็จได้ง่ายๆ เหมือนการพลิกฝ่ามือ เพราะยังมีกำแพงอีกหลายชั้นให้ปีนป่าย กว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแทนที่ของ "ฮอตชอต"

อลัน เชียเรอร์ (คนที่ 2 จากซ้าย เสื้อขาว-ดำ) เจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ที่ 260 ประตู

กำแพงชั้นที่ 1 - อัตราการถล่มประตูต่อ 1 ฤดูกาล

ถึงตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยในตัว แฮร์รี เคน อีกแล้วว่านี่คือหัวหอกระดับพระกาฬของโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่บนเวทีพรีเมียร์ลีกเท่านั้น พิสูจน์ได้จากสถิติการระเบิดตาข่ายไปแล้วถึง 217 ประตู จากการลงสนาม 366 นัดในการค้าแข้งระดับอาชีพกับ 5 สโมสร ซึ่งรวมถึง 4 ทีมที่ สเปอร์ส ปล่อยให้ยืมตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วย ทั้ง เลย์ตัน โอเรียนต์, มิลล์วอลล์, นอริช ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้

ซึ่ง 217 ประตูในระดับสโมสรนั้น แบ่งเป็น 150 ลูกที่เขายิงได้ในศึกพรีเมียร์ลีกนั่นเอง คิดเป็น 69 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประตูทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียง 218 นัดในการเดินทางมาถึงจุดนี้ หรือเฉลี่ยนัดละ 0.69 ประตู นับเป็นอัตราการผลิตสกอร์ต่อ 1 นัดที่ดีที่สุดของลีกเหนือ เธียร์รี อองรี อดีตดาวยิงอาร์เซนอลที่เลิกเล่นไปแล้ว และ เซร์คิโอ อเกวโร ศูนย์หน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วัย 32 ปีที่มีค่าเฉลี่ยนัดละ 0.68 ประตูเท่ากัน ในขณะที่ เคน เพิ่งจะมีอายุเพียง 27 ปี

นอกจากนี้ กัปตันทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบันยังตะบันครบ 150 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดยใช้เวลาน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ต่อจาก เซร์คิโอ อเกวโร (217 นัด) และ อลัน เชียเรอร์ (212 นัด) รวมถึงเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่ทำสถิตินี้ได้ด้วยวัยเพียง 27 ปี 3 เดือน 11 วัน เป็นรองแค่ เวย์น รูนีย์ ที่ยิงถึง 150 ลูก ในวัย 27 ปี 1 เดือน 15 วัน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ รูนีย์ ต้องลงสนามไปถึง 330 นัด

เมื่อไล่ดูสถิติการทำประตูในพรีเมียร์ลีกย้อนหลัง พบว่า 6 ซีซั่นหลังสุด เคน กระหน่ำไปถึง 140 ประตู จาก 196 นัด เฉลี่ยซีซั่นละ 23.33 ประตู หรือเฉลี่ยนัดละ 0.71 ประตู โดยการันตีอย่างน้อยที่สุด 17 ประตู (ฤดูกาล 2018/19) และอย่างมากที่สุด 30 ประตู (ฤดูกาล 2017/18)

ถ้า เคน ยังรักษามาตรฐานการล่าตาข่ายระดับนี้เอาไว้ได้ กำแพง 110 ประตูที่ตามหลัง เชียเรอร์ อยู่น่าจะถูกทำลายลงภายใน 6 ฤดูกาลนับจากนี้ หากการันตีอย่างน้อยซีซั่นละ 19 ประตู ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อ 1 ฤดูกาลที่เขาเคยทำได้อยู่แล้ว

กำแพงชั้นที่ 2 - อาการเจ็บ-ป่วย

อย่างไรก็ตาม "ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน" ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าดาวยิงจากสเปอร์สจะยืนหยัดอยู่ในสนามเพื่อเพิ่มจำนวนประตูได้ตลอดทั้งซีซั่นหรือไม่ ซึ่งในช่วง 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา เคน ลงเล่นเกิน 30 นัดได้เพียง 3 ซีซั่นเท่านั้น คือ ฤดูกาล 2014/15, 2015/16 และ 2017/18

แต่ฤดูกาล 2018/19 เขาได้ลงสนามน้อยที่สุดนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของทีมเพียง 28 นัด และก็ยิงได้น้อยที่สุดเช่นกันแค่ 17 ประตู ส่วนฤดูกาลล่าสุด 2019/20 ก็ลงเล่นไป 29 นัด ซัดไป 18 ประตู ซึ่งสาเหตุสำคัญก็มาจาก "อาการบาดเจ็บ"

2015/16 คือ ฤดูกาลเดียวที่ เคน ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกครบทั้ง 38 นัด แต่นับจากซีซั่น 2016/17 เป็นต้นมา อาการบาดเจ็บก็ได้พรากเขาไปจากการลงสนามให้ "ไก่เดือยทอง" รวมทั้งสิ้น 50 นัดในทุกรายการ

แฮร์รี เคน เจ็บข้อเท้าถึง 2 ครั้งในฤดูกาล 2018/19 จนต้องพักรวมกัน 91 วัน พลาดลงสนามไปทั้งสิ้น 17 นัด

ซึ่งในฤดูกาล 2018/19 เจ้าของฉายา "เฮอริเคน" ก็เจอมรสุมรุมเร้าถึง 2 ครั้ง เริ่มจากการบาดเจ็บเอ็นข้อเท้าฉีกเมื่อวันที่ 14 มกราคม ปี 2019 จนต้องห่างหายไปนานถึง 8 นัด ก่อนกลับมาได้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แต่ก็มาเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจากการเดี้ยงที่จุดเดิมในวันที่ 10 เมษายน ซึ่งถือเป็นการเจ็บข้อเท้าครั้งที่ 5 ในชีวิต จนต้องร้างสนามไปอีก 9 นัดถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ก่อนกลับมาช่วย สเปอร์ส ได้อีกทีในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่แพ้ ลิเวอร์พูล

ส่วนฤดูกาลที่แล้ว เคน ก็ถูกรบกวนด้วยอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้เขาอดล่าตาข่ายไปอีก 14 นัดจนถึงวันที่ 9 มีนาคม แต่ช่วงนั้นยังมีความโชคดีเกิดขึ้นในความโชคร้ายที่โรคโควิด-19 ทำให้ฟุตบอลทุกรายการหยุดแข่งไปนานกว่า 3 เดือน ทำให้เขามีเวลาฟื้นตัวกลับมาลงสนามให้ "ไก่เดือยทอง" ได้อีกครั้งในช่วงรีสตาร์ต เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะที่ฤดูกาลนี้ "เฮอริเคน" กำลังระเบิดฟอร์มได้อย่างดุดันสมฉายา เมื่อมีส่วนโดยตรงกับการทำประตูของ สเปอร์ส ไปแล้วถึง 23 ลูกจากการลงเล่นเพียง 14 นัดในทุกรายการ แบ่งเป็นยิงเอง 13 ประตู กับแอสซิสต์ให้เพื่อนจบสกอร์อีก 10 ครั้ง ซึ่งหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก เขาซัดเอง 7 ประตู แต่กลับแอสซิสต์ได้มากกว่าที่จำนวน 8 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเมื่อไรที่กลับมาฟิตสมบูรณ์ เคน ก็พร้อมกลายร่างเป็นเครื่องจักรสังหารคอยถล่มประตูคู่แข่งทุกทีมที่ขวางหน้า

แต่ถ้าอยากให้เขาก้าวข้ามกำแพง 260 ประตูในพรีเมียร์ลีกที่ เชียเรอร์ เคยสร้างไว้ ก็ต้องภาวนาให้ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ถูกอาการเดี้ยงรบกวนน้อยที่สุด หลังจากเคยเจ็บเคยป่วยรวมแล้วถึง 11 ครั้งกับ 6 อาการ (กระดูกเท้าแตก, เจ็บหลัง, เจ็บข้อเท้า, เจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง, เจ็บเข่า, เป็นไข้) นับตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน

แฮร์รี เคน เคยเจ็บ-ป่วยรวมกัน 11 ครั้งกับ 6 อาการ (กระดูกเท้าแตก, เจ็บหลัง, เจ็บข้อเท้า, เจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง, เจ็บเข่า, เป็นไข้)

กำแพงชั้นที่ 3 - ความท้าทายกับโอกาสประสบความสำเร็จ

แม้สถานะของ แฮร์รี เคน ในตอนนี้จะถูกจัดให้เป็นยอดศูนย์หน้าระดับโลกไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงดาวยิงวัย 27 ปี กลับไม่เคยได้ชูถ้วยแชมป์เลยแม้แต่รายการเดียว โดยนับตั้งแต่ถูกโปรโมตขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ "ไก่เดือยทอง" เมื่อปี 2009 ก็ทำได้แค่ใกล้เคียงเพียงตำแหน่งรองแชมป์ลีกคัพ อังกฤษ ในฤดูกาล 2014/15 ซึ่งแพ้ เชลซี 0-2 ในรอบชิงชนะเลิศ รวมถึงรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่แพ้ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดสินด้วยสกอร์ 0-2 เช่นกัน

แฮร์รี เคน ทำได้แค่ "เกือบ" คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19

กระนั้น เคน กลับแทบไม่เคยตกเป็นข่าวพัวพันในตลาดซื้อขายนักเตะเลย เมื่อเทียบกับฝีเท้าและคุณภาพในการจบสกอร์ที่ไม่ว่าสโมสรไหนก็น่าจะอยากได้ไปเป็นเจ้าของ แต่เขากลับเคยมีข่าวเชื่อมโยงกับโอกาสย้ายทีมกับแค่ 4 สโมสรเท่านั้น

หากไม่นับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และ เซาแธมป์ตัน ที่มีข่าวว่าสนใจอยากได้ตัวเขาในสมัยที่ยังอายุไม่เกิน 21 ปีเพียงไม่กี่วันก่อนเงียบหายไป เคน ก็เคยเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่แบบจริงๆ จังๆ แค่ 2 ทีม คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด

แต่ในเดือนมิถุนายน ปี 2015 หลังมีข่าวว่า แมนยูฯ พร้อมประเคน 40 ล้านปอนด์ (1,640 ล้านบาท) แลกกับลายเซ็นของเจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพแห่งอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2014/15 ซึ่งเขาซัดไปถึง 31 ประตูในทุกรายการ เคน ก็รีบปฏิเสธทันทีว่า "ผมมีความสุขดีที่ สเปอร์ส และมองไปถึงอนาคตกับสโมสรแห่งนี้ ผมพอจะเห็นข่าวมาบ้างว่ามีทีมที่สนใจ แต่ สเปอร์ส เองก็เป็น 1 ในทีมใหญ่ของอังกฤษ และผมก็กำลังเล่นให้กับทีมใหญ่ที่มีอนาคตอันสดใสรออยู่"

แฮร์รี เคน เคยตกเป็นข่าวว่า เรอัล มาดริด พร้อมทุ่ม 200 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวไปแทน คริสเตียโน โรนัลโด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2018

จากนั้นในเดือนมกราคม ปี 2018 ก็มีข่าวใหญ่ว่า เรอัล มาดริด พร้อมทุบสถิติโลกด้วยการทุ่ม 200 ล้านปอนด์ (8,200 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงกว่า เนย์มาร์ เมื่อครั้งย้ายจาก บาร์เซโลนา ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยมูลค่า 198 ล้านปอนด์ (8,118 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการได้ "เฮอริเคน" มาเป็นตัวแทนของ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ของปีนั้นก็โบกมือลา "ราชันชุดขาว" ไปอยู่กับ ยูเวนตุส

อย่างไรก็ดี เคน ยังคงไม่หวั่นไหวกับแรงดึงดูดจากแชมป์สโมสรยุโรปสูงสุด 13 สมัย ก่อนที่ "ไก่เดือยทอง" จะประกาศในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันว่า ได้ต่อสัญญากับสมบัติล้ำค่าของทีมจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2024 เป็นที่เรียบร้อย ทั้งที่เมื่อปี 2016 เพิ่งจรดปากกาเพื่อฝากอนาคตกับทีมดังแห่งกรุงลอนดอนจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2022 ไปหมาดๆ

แฮร์รี เคน ยังเหลือสัญญาฉบับปัจจุบันกับ สเปอร์ส อีก 4 ปี

ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี 2018 มาร์กา หนังสือพิมพ์ชื่อดังของสเปนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงมาดริด ก็ออกมาเผยคำตอบของ เคน หลังจากยิงคำถามถึงความเป็นไปได้ในการย้ายมาร่วมงานกับ เรอัล มาดริด ว่ามีเพียง 5 คำที่ได้รับกลับมานั่นคือ "Sorry, not today. Sorry, sorry." หรือ "ขอโทษครับ ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอโทษครับ ขอโทษครับ"

ถึงแม้ว่าหัวใจของ เคน จะยึดมั่นอยู่กับ สเปอร์ส มากแค่ไหน รวมถึงไม่เคยปันใจไปให้กับทีมอื่นที่ใหญ่กว่าและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเขาจะล่มหัวจมท้ายกับทีมเดียวไปตลอดอาชีพการค้าแข้ง ตราบใดที่ "ไก่เดือยทอง" ยังไม่อาจคว้าถ้วยแชมป์รายการใหญ่มาวางไว้ในตู้โชว์ของสโมสรได้ วลีที่ว่า "ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน" ก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ

เพราะเวลานี้ "เฮอริเคน" ก็เข้าสู่วัย 27 ปีซึ่งเป็นช่วงพีคของนักฟุตบอลอาชีพส่วนใหญ่แล้ว หาก สเปอร์ส ยังไม่สามารถเข้าใกล้กับเกียรติยศระดับเมเจอร์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็อาจถึงเวลาที่เขาจะ "หมดไฟ" กับการปักหลักในแถบลอนดอนตอนเหนือ แล้วออกไปหาความท้าทายใหม่เพื่อไล่ล่าความสำเร็จมาประดับบารมี

และถ้าหากเป็นการย้ายไปเล่นในต่างแดนด้วยแล้ว ความหวังที่จะได้เห็น แฮร์รี เคน ทลายกำแพงดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่ อลัน เชียเรอร์ เคยสร้างไว้ก็อาจต้องรอจนกว่าจะมียอดดาวยิงในเจเนอเรชั่นใหม่แจ้งเกิดขึ้นมาเพื่อสานต่อภารกิจนี้ในอีกหลายสิบปีข้างหน้าก็เป็นได้

สมัคร เว็บแทงบอล UFABET คลิ๊ก >> http://line.me/ti/p/~@UFACUPV1

🏆 𝐔𝐅𝐀𝐂𝐔𝐏 🏆 💵 ฝๅn 300 รับ 400 💵 ฝาก 500 รับ 700 💵 สมัครขั้นต่ำ 20 บาท 💵 คืนยอดเสีย 5% ทุกสิ้นเดือน ♦ ฝๅn-ถอu ภายใu 1 uาทีเท่านั้น

m